You are here: Home
Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่าคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency)
Bitcoin อ่านว่าบิทคอยน์ คือสกุลเงินในรูปแบบของดิจิทัล ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin ไม่มีรูปร่างและไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมาด้วยกลุ่มนักพัฒนาเล็กๆกลุ่มหนึ่งตลอดจนบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก โดยระบบของ Bitcoin ถูกรันโดยคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยใช้ระบบซอฟต์แวร์ในการถอดสมการคณิตศาสตร์ 
Ethereum ก็คือคอมพิวเตอร์ของโลกใบนี้ที่สามารถที่จะทำให้ทุกอย่างกระจาย (decentralize) และอาจถึงขั้นทำให้ระบบโมเดลของเซอเวอร์มาตรฐานต้องเปลี่ยนโฉมไปตลาดกาล
ด้วย Ethereum นั้น ระบบเซอเวอร์และ cloud จะถูกแทนที่ด้วยระบบที่เรียกว่า node นับพัน โดย node เหล่านี้จะถูกติดตั้งและเปิดให้ทำงานด้วยอาสาสมัครจากทั่วโลก (จนกระทั่งกลายเป็นคอมพิวเตอร์ของโลกใบนี้) 
สกุลเงินคริปโต Litecoin
เป็นอีกสกุลเงินที่ทำงานบนระบบบล็อกเชน 100% โดยไม่มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งควบคุม
ทุกคนสามารถมีสิทธิ์เข้าดูซอร์สโค๊ดที่พัฒนา Litecoin ได้อย่างโปร่งใส
Litecoin มีค่าธรรมเนียมในการโอนหากันที่ถูกกว่าบิทคอยน์
มีความเร็วในการยืนยัน transaction โดยเฉลี่ย 2.5 นาที (เร็วกว่าบิทคอยน์ 4 เท่า)
มีจำนวนจำกัดทั้งระบบที่ 84 ล้านเหรียญ (มากกว่าบิทคอยน์ 4 เท่าเช่นกัน) ปัจจุบัน ณ วันที่เขียน Litecoin ถูกค้นพบแล้วทั้งสิ้นประมาณ 52 ล้านเหรีญ
ได้ทำการเพิ่มฟีเจอร์ Segwit เป็นส่วนนึงของระบบเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ใช้ทรัพยากรในการขุดและรองรับ transaction ต่อวินาทีได้มากยิ่งขึ้น
มี security ที่ปลอดภัยกว่าบิทคอยน์
แต่สถาปัตยกรรมโครงสร้างระบบถือว่าออกแบบมาเหมือนกัน ทำให้เวลามีโปรโตคอลหรือฟีเจอร์ใหม่ๆมักจะเข้ากันได้ทั้ง Bitcoin และ Litecoin 
Ripple ได้เปิดตัวในปี 2012 เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินทั่วโลก มันแตกต่างจากแพลตฟอร์มของสกุลเงินดิจิตอลตัวอื่นๆ เพราะได้เชื่อมต่อกับธนาคารอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และถูกควบคุมโดยบริษัทสถาบันการเงิน บริษัทที่ใช้แพลตฟอร์ม Ripple ได้แก่ Santander (SANPRA), Bank of America (BAC) และ UBS (UBS)
OmiseGo คือการทำให้เงินธรรมดาเงินดิจิตอลหรืออะไรก็ตามที่มีค่าสามารถแลกเปลี่ยนกันได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องมีตัวกลาง OmiseGo นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ Ethereum เป็นพื้นฐานโดยมันจะสามารถใช้ใน Digital wallet ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนเงินหรืออะไรก็ตามที่มีมูลค่าโดยไม่ต้องมีตัวกลางอย่างธนาคาร และเป็น Payment service ที่จะให้บริการทั้งเงินดิจิตอลและเงินกระดาษปกติ ซึ่ง OMG token จะกลายเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้บน Blockchain ของ OmiseGo และระบบของมันจะทำให้ผู้คนสามารถจัดการกับสินทรัพย์ที่เป็นเงินดิจิตอลและเงินจริงได้พร้อมๆกัน
NEO ได้บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของพวกเขาที่ตั้งใจจะเป็น Ethereum แห่งประเทศจีน ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เหรียญ NEO กำลังเริ่มที่จะโด่งดังขึ้นมาเนื่องจากการที่ทีมพัฒนาของเหรียญดังกล่าวได้ร่วมมือทางรัฐบาลจีนในการคิดหาไอเดียการนำเอาสิ่งของในชีวิตประจำวันมาต่อยอดด้วย smart contract ในขณะเดียวกัน NEO ก็ได้เซ็นสัญญาหุ้นส่วนกับบริษัทสตาร์ทอัพอีกหลายๆบริษัทด้วย
Digital Cash หรือเงินสดดิจิตอลเพราะความรวดเร็วของมันทำให้มันทำงานได้เหมือนเงินสด
Dash เป็นเหรียญที่ถูกสร้างขึ้นในเดือนมกราคมปี 2014 โดยมันเป็นเหรียญที่ถูก Fork มาจาก Bitcoin โดยนาย Evan Duffield ในตอนแรกมันมีชื่อว่า XCoin หลังจากนั้นก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น Darkcoin และกลายเป็น Dash ในเดือนมีนาคมปี 2015 ซึ่ง Dash นั้นอ้างตัวเองเป็น Digital Cash หรือเงินสดดิจิตอล และแน่นอนมันไม่ได้ขึ้นกับองกรณ์ธนาคารหรือรัฐบาลใด และการที่มันถูก Fork จาก Bitcoin ทำให้มันมีฟังชั่นพื้นฐานที่เงินดิจิตอลทุกตัวมีอย่างการป้องกับเรื่อง Double spending
